หน้านี้อธิบายฟีเจอร์ที่ Google Analytics มีให้ ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมการรวบรวมและใช้ข้อมูล Analytics ได้
ปิดใช้การรวบรวมข้อมูลของ Analytics
ในบางกรณี คุณอาจต้องการปิดใช้การรวบรวมข้อมูล Analytics ชั่วคราวหรือถาวร เช่น เพื่อรวบรวมความยินยอมของผู้ใช้ปลายทาง หรือเพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย Google Analytics มีตัวเลือกที่หลากหลายใน การปิดใช้และการปิดใช้งานการรวบรวมข้อมูลของ Analytics เมื่อใช้ร่วมกัน ก็รองรับ กรณีการใช้งานทั่วไปหลายกรณี
ปิดใช้การรวบรวมข้อมูลชั่วคราว
หากต้องการปิดการรวบรวมข้อมูลของ Analytics ชั่วคราว เช่น เพื่อขอความยินยอมจากผู้ใช้ปลายทางก่อนรวบรวมข้อมูล คุณสามารถตั้งค่า FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_ENABLED
เป็น NO
(บูลีน) ในไฟล์ Info.plist
ของแอป เช่น ดูใน XML แหล่งที่มา ดังนี้
<key>FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_ENABLED</key><false/>
หากต้องการเปิดใช้คอลเล็กชันอีกครั้ง เช่น หลังจากที่ผู้ใช้ปลายทางให้ความยินยอม ให้เรียกใช้เมธอดอินสแตนซ์ setAnalyticsCollectionEnabled
ของ Analytics
เช่น
Swift
Analytics.setAnalyticsCollectionEnabled(true)
Objective-C
[FIRAnalytics setAnalyticsCollectionEnabled:YES];
Unity
Firebase.Analytics.FirebaseAnalytics.SetAnalyticsCollectionEnabled(true);
หากต้องการระงับคอลเล็กชันอีกครั้งไม่ว่าด้วยเหตุผลใด คุณสามารถเรียกใช้คอลเล็กชันต่อไปนี้ และคอลเล็กชันจะถูกระงับจนกว่าคุณจะเปิดใช้อีกครั้ง
Swift
Analytics.setAnalyticsCollectionEnabled(false)
Objective-C
[FIRAnalytics setAnalyticsCollectionEnabled:NO];
Unity
Firebase.Analytics.FirebaseAnalytics.SetAnalyticsCollectionEnabled(false);
ค่าที่เมธอด setAnalyticsCollectionEnabled
กำหนดจะยังคงอยู่ในการเรียกใช้แอปและลบล้างค่าของ FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_ENABLED
ในไฟล์ Info.plist
ของแอป เมื่อคุณกำหนดค่าให้กับ setAnalyticsCollectionEnabled
แล้ว การรวบรวมข้อมูลของ Analytics จะยังคงอยู่ในสถานะนั้นจนกว่าจะมีการเรียกใช้ setAnalyticsCollectionEnabled
อีกครั้ง แม้ว่าผู้ใช้จะปิดและเปิดแอปอีกครั้งก็ตาม
ปิดใช้งานคอลเล็กชันอย่างถาวร
หากคุณต้องการปิดใช้งานการรวบรวมข้อมูลของ Analytics อย่างถาวรในแอปเวอร์ชันของคุณ ให้ตั้งค่า FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_DEACTIVATED
เป็น YES
(บูลีน) ในไฟล์ Info.plist
ของแอป การตั้งค่า FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_DEACTIVATED
เป็น
YES
(บูลีน) จะมีลำดับความสำคัญเหนือค่าของ
FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_ENABLED
ใน Info.plist
ของแอป รวมถึงค่าใดก็ตามที่ตั้งค่าไว้ด้วย setAnalyticsCollectionEnabled
หากต้องการเปิดใช้คอลเล็กชันอีกครั้ง ให้นำ FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_DEACTIVATED
ออกจาก Info.plist
ของคุณ การตั้งค่า FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_DEACTIVATED
เป็น NO
(บูลีน) ไม่มีผลและส่งผลให้มีลักษณะการทำงานเหมือนกับการไม่ได้ตั้งค่า FIREBASE_ANALYTICS_COLLECTION_DEACTIVATED
ในไฟล์ Info.plist
ปิดใช้การรวบรวม IDFA
หากคุณติดตั้ง Firebase ผ่าน CocoaPods ด้วยการเพิ่ม pod 'Firebase/Analytics'
ลงใน Podfile ของแอปและต้องการปิดใช้การรวบรวม IDFA (ตัวระบุโฆษณาของอุปกรณ์) ในแอป Apple โปรดตรวจสอบว่าเฟรมเวิร์ก AdSupport ไม่ได้รวมอยู่ในแอป
หากต้องการติดตั้ง Firebase โดยไม่สามารถรวบรวม IDFA ให้ใช้ข้อกำหนดย่อยต่อไปนี้แทน pod 'Firebase/Analytics'
pod 'Firebase/AnalyticsWithoutAdIdSupport'
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IDFA ในเอกสารประกอบของ Apple
ปิดใช้การรวบรวม IDFV
หากต้องการปิดใช้การรวบรวม IDFV (Identifier for Vendor) ในแอป Apple ให้ตั้งค่า GOOGLE_ANALYTICS_IDFV_COLLECTION_ENABLED
เป็น NO
(บูลีน) ในไฟล์ Info.plist
ของแอป
ควบคุมการเก็บรวบรวมข้อมูลสําหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
หากคุณลิงก์โปรเจ็กต์ Google Analytics กับบัญชี Google Ads แล้ว หรือเปิดใช้การผสานรวมโฆษณา หรือเลือกใช้การแชร์ข้อมูล ข้อมูล Analytics อาจมีสิทธิ์ใช้ในโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
ซึ่งหมายความว่าคุณอาจใช้เหตุการณ์ที่รวบรวม เช่น first_open
เพื่อสร้างและใช้งานรายการกลุ่มเป้าหมายสําหรับรีมาร์เก็ตติ้ง เว้นแต่คุณจะระบุว่าข้อมูลดังกล่าวไม่พร้อมใช้งานสําหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้
คุณควบคุมแบบเป็นโปรแกรมได้ว่าควรใช้ข้อมูล Analytics ของผู้ใช้สำหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้หรือไม่โดยใช้ตัวเลือกใดๆ ต่อไปนี้
แนะนำ: เปิดหรือปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้แบบไดนามิกโดยยึดตามตัวเลือกความยินยอมของผู้ใช้ ใช้ API โหมดความยินยอมของ Google
เปิดหรือปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ในระดับผู้ใช้: ควบคุมการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ในฐานะพร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้
เปิดหรือปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ในระดับพร็อพเพอร์ตี้ Analytics ปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ต่อภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ในพร็อพเพอร์ตี้ Analytics
ปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ผ่านพร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้
API โหมดความยินยอมของ Google เป็นวิธีที่แนะนําในการเปิดและปิดโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้อย่างไรก็ตาม หากแอปยังไม่ได้ใช้โหมดความยินยอม คุณสามารถควบคุมการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณได้ด้วยตัวเลือกต่อไปนี้
หากต้องการปิดลักษณะการทำงานของโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้โดยค่าเริ่มต้น ให้ตั้งค่า GOOGLE_ANALYTICS_DEFAULT_ALLOW_AD_PERSONALIZATION_SIGNALS
เป็น NO
(บูลีน) ในไฟล์ Info.plist
ของแอป
เปิดใช้ฟีเจอร์โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้อีกครั้งผ่านพร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้
หากใช้พารามิเตอร์ AnalyticsUserPropertyAllowAdPersonalizationSignals
เพื่อควบคุมการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ คุณจะเปิดใช้การปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้อีกครั้งได้โดยใช้เมธอด setUserProperty
ดังที่แสดงด้านล่าง
Swift
Analytics.setUserProperty("true", forName: AnalyticsUserPropertyAllowAdPersonalizationSignals)
Objective-C
[FIRAnalytics setUserPropertyString:@"YES" forName:kFIRUserPropertyAllowAdPersonalizationSignals];
Unity
Firebase.Analytics.FirebaseAnalytics.SetUserProperty(FirebaseAnalytics.UserPropertyAllowAdPersonalizationSignals, true);
หากคุณเลือกปิดใช้การรวบรวมข้อมูล Analytics ชั่วคราว (เช่น จนกว่าผู้ใช้ปลายทางจะให้ความยินยอม) และต้องการควบคุมฟีเจอร์โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้เมื่อเปิดใช้การรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ให้ผู้ใช้อีกครั้ง โปรดตรวจสอบว่าการโทรให้ระบุการตั้งค่านี้เกิดขึ้นก่อนการโทรเพื่อเปิดใช้การรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์อีกครั้ง เช่น
Swift
Analytics.setUserProperty(..., forName: AnalyticsUserPropertyAllowAdPersonalizationSignals)
Analytics.setAnalyticsCollectionEnabled(true)
Objective-C
[FIRAnalytics setUserPropertyString:... forName:kFIRUserPropertyAllowAdPersonalizationSignals];
[FIRAnalytics setAnalyticsCollectionEnabled:YES];
Unity
Firebase.Analytics.FirebaseAnalytics.SetUserProperty(FirebaseAnalytics.UserPropertyAllowAdPersonalizationSignals, ...);
Firebase.Analytics.FirebaseAnalytics.SetAnalyticsCollectionEnabled(true);
ยืนยันการตั้งค่า
เมื่อปิดใช้สัญญาณการปรับโฆษณาตามโปรไฟล์ของผู้ใช้สำหรับผู้ใช้ผ่านกลไกหนึ่งที่อธิบายไว้ข้างต้น กลุ่มเหตุการณ์ที่ตามมาซึ่งบันทึกจากอุปกรณ์ของผู้ใช้นั้นจะมีพร็อพเพอร์ตี้ผู้ใช้ชื่อ non_personalized_ads
ที่มีค่าเป็น 1 เพื่อระบุว่าเหตุการณ์ในกลุ่มนั้นไม่พร้อมใช้งานสำหรับโฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้ การปิดใช้โฆษณาที่ปรับตามโปรไฟล์ของผู้ใช้จะไม่ส่งผลต่อการใช้ข้อมูลเพื่อการวัดผล รวมถึงการรายงานและการระบุแหล่งที่มา
ดูการเปลี่ยนแปลงการกําหนดค่า
เมื่อเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า Google Analytics แล้ว SDK จะดาวน์โหลดการเปลี่ยนแปลงนั้น กระบวนการนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น คุณจึงทดสอบการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคุณทำการเปลี่ยนแปลงใน Analytics อาจใช้เวลา 2-3 นาทีเพื่อทำให้ใช้งานได้ในแอป หากแอปพร้อมใช้งาน ขั้นตอนการติดตั้งใช้งานเต็มรูปแบบอาจใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์