ตำรวจไซเบอร์ บุกรวบชาย 51 ปี ใช้โปรไฟล์น้องหมีเนย หลอกเด็ก 12 ปีถ่ายคลิปอนาจารผ่านเกมออนไลน์ชื่อดัง เบื้องต้นพบผู้เสียหายเป็นเยาวชน 5 คน เร่งขยายผลเพิ่มเติม
กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการอินโนเซ้นบุกจับกุมหนุ่มใช้โปรไฟล์น้องหมีเนย หลอกเด็กอายุ 12 ปี ถ่ายคลิปอนาจาร
วันนี้ (24 ก.ค.2567) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้พาเด็กอายุ 12 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองจันทบุรี โดยระบุว่าถูกลูกสาวถูกข่มขู่ให้ถ่ายภาพและคลิปวิดีโอลักษณะอนาจารให้ส่งผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งบัญชีดังกล่าวใช้ชื่อว่า “butter bear!!”
ผู้ก่อเหตุใช้โปรไฟล์เป็นภาพตุ๊กตามาสคอตน้องหมีเนย หรือ Butter Bear ซึ่งกำลังเป็นที่รู้จักและนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยตำรวจสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว และให้ชุดกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคดีดังกล่าว ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายสุรพงษ์ อายุ 51 ปี ชาวระยอง
ต่อมาตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลจังหวัดจันทบุรีออกหมายจับในข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กฯ, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นฯ พร้อมนำกำลังไปตรวจค้นและควบคุมตัวที่บ้านพัก อ.บ้านฉาง จ.ระยอง รวมถึงตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
จากการตรวจสอบภายในโทรศัพท์พบภาพและคลิปวิดีโอลามกอนาจารของผู้เสียหาย และคนอื่น ๆ รวมทั้งหมด 5 คน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ขณะที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำมาหลายปีแล้ว โดยจะเลือกผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ซึ่งพบกันในเกมออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายเชื่อใจก็จะชักชวนให้ถ่ายคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายเรือนร่างเพื่อแลกกับของรางวัลจากเกมออนไลน์ หรือสิ่งอื่น ๆ เป็นการตอบแทน เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมทำตามที่สั่ง จะข่มขู่ว่าจะนำภาพและคลิปไปโพสต์ประจานให้เสียหาย จึงทำให้ผู้เสียหายส่วนใหญ่ยินยอม โดยผู้ที่ข่มขู่นานสุด คือ ตั้งแต่ผู้เสียหายอายุ 14 ปี จนปัจจุบันมีอายุ 18 ปี
ช่วงแรกผู้ต้องหาจะใช้รูปตุ๊กตาทั่วไปเป็นโปรไฟล์ แต่เห็นว่าขณะนี้น้องหมีเนยกำลังได้รับความนิยมจึงเลือกใช้ เห็นว่าเด็กชอบและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เกิดความเชื่อใจได้เร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ ระหว่างการพูดคุยผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าตนเองเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น ทั้งที่ความจริงอายุ 51 ปี ส่วนรูปที่ได้นั้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเก็บไว้ดูเอง และไม่ได้นำไปเผยแพร่ต่อ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีผู้เสียหายเพียง 5 คน โดยตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายออนไลน์ว่ามีผู้เสียหายเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการนำภาพและคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ หรือจำหน่ายหรือไม่
ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังเจ้าของลิขสิทธิหมีเนยว่าประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยเตือนไปยังผู้ปกครองให้ช่วยกันดูแลลูกหลาน เพราะปัจจุบันพบการกระทำความผิดที่เข้าถึงเด็กได้ง่าย
ขอบคุณภาพและที่มาของข่าว : https://www.thaipbs.or.th/news/content/342345